
รากเหง้าของคนรุ่นใหม่…สร้างครอบครัวช้า ไม่ยึดติดศาสนา และไว้ใจคนอื่นน้อยลง
คนรุ่นใหม่ หรือ New Generation เป็นกลุ่มประชากรที่กำลังขึ้นมามีบทบาทแทนคนรุ่นเก่าพร้อมกับทักษะและความรู้ชุดใหม่ในยุค Disruption โดยเฉพาะทักษะที่ต้องทำงานร่วมกับ AI และ Automation ในกระแสการปฏิวัติอุตสาหกรรมระลอกที่ 4 นอกจากทักษะและความรู้ที่เปลี่ยนไป การให้คุณค่าถนอมรักษาแนวคิดหรือค่านิยมบางประการไว้กลายเป็นประเด็นที่คนรุ่นต่อไปต้องคำนึงถึงเพื่อขับเคลื่อนโลกในวันที่ต้องเผชิญสถานการณ์รุนแรงมากมาย
ราวปี 2016 World Economic Forum เผยแพร่บทความชื่อ What do young people value ? (20 January 2016) เขียนโดย Rosamond Hutt ผ่านทางเวบไซต์ weforum.org กล่าวว่า 84% ของคนยุค Millennials ซึ่งหมายถึงคนที่เกิดระหว่างปี 1980-2000 ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ซึ่งผลการสำรวจนี้ตรงกับงานวิจัยของบริษัททางการเงินยักษใหญ่อย่าง Deloitte ที่ขยายความออกไปอีกว่า การเปลี่ยนโลกของคนรุ่นถัดไปจะแตกต่างจากคนรุ่นก่อนใน 3 เรื่อง คือ
- ยังพึ่งพาระบบเดิม
- มีเครื่องมือเป็นของตัวเอง
- ขอเลือกไลฟ์สไตล์ที่ดี
โดย 90 % ยังเชื่อว่า ภาคธุรกิจจะยังเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาโดยเฉพาะปัญหาการว่างงาน ส่วนเครื่องมือสำคัญอย่างโซเชียลมีเดียจะช่วยให้คนหนุ่มสาวสร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงจัดตั้งองค์กรของตัวเองได้ง่าย ประมาณปี 2020 คน Gen Y จะเคลื่อนย้ายสังกัดการทำงาน จากบริษัท องค์กร หรือ ประเทศ ไปสู่การทำงานในระดับ Global ซึ่งนอกจากความไร้สังกัด อินเตอร์เนตในยุคของ Millennials ยังเร็วกว่าอินเตอร์เนตในยุคของผู้บริหารรุ่นใหญ่ซึ่งถือเป็นคุณค่าที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ
ต่อคำถามที่ว่าคนรุ่นใหม่เชื่ออะไร หรือยึดมั่นว่าอะไรเป็นคุณค่าประกอบไปด้วยคุณค่า 3 ชุด ได้แก่
- การสร้างครอบครัว
- การนับถือศาสนา
- ความใส่ใจผู้อื่น
ผลการสำรวจระบุว่า คนกลุ่ม Millennials จะมีอัตราการแต่งงานเพียงแค่ 26 % ส่วนที่เหลือให้เหตุผลว่า จะแต่งงานก็ต่อเมื่อมีรายได้และสถานภาพทางการเงินที่แน่นอน โดยที่ช่วงอายุของการแต่งงานมีแนวโน้มจะมากขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 30 ปี ขึ้นไป นั่นหมายความว่าคุณค่าเรื่องการสร้างครอบครัวของคนรุ่นใหม่มีเรื่องของสถานะทางการเงินเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งต่างจากคนรุ่นก่อนที่เน้นการสร้างครอบครัวและมองปัจจัยเศรษฐกิจเป็นเรื่องรอง
คุณค่าเรื่องความเชื่อและศาสนาของกลุ่ม Millennials พบว่ากลุ่มผู้นับถือศาสนาแบบไม่เคร่งครัด และ กลุ่มที่ไม่เชื่ออะไรเลยมีเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนยังน้อยกว่ากลุ่มที่เคร่งครัด ซึ่งตัวเลขที่น่าสนใจคือ กลุ่มที่ไม่เชื่ออะไรเลยมีจำนวนเพิ่มแบบก้าวกระโดดจากคนรุ่นก่อนแบบเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่าคนรุ่นใหม่ยอมรับนับถือศาสนาอื่นมากขึ้น และ เส้นกั้นศาสนาในใจของผู้คนอาจจะเริ่มพร่าเลือนลง
ส่วนประเด็นเรื่องความใส่ใจ “คนอื่น” ซึ่งในที่นี้หมายถึง คนที่แตกต่างจากตัวเอง อาทิ คนที่มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ ผู้สูงอายุ ผลการสำรวจระบุว่า Millennial มีแนวโน้มที่จะใส่ใจคนอื่นน้อยลง หรือหากต้องติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับใครก็จะระมัดระวังตัวเองและไม่สร้างมิตรภาพถ้าไม่จำเป็น มีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิของกลุ่มทางสังคมน้อยลง
ทั้งหมดเป็นชุดคุณค่าที่เกิดจากมุมมองที่คนรุ่นใหม่มีต่อโลกและชีวิต รากเหง้าที่มาจึงสัมพันธ์กับปัจจุบันและอนาคตอย่างแยกไม่ออก การที่เราจะเข้าใจตัวเอง มีวิสัยทัศน์ ผลิตงานสร้างสรรค์ได้จึงต้องศึกษาวิเคราะห์ที่มาหรือองค์ประกอบจนได้ข้อมูลหรือความรู้ที่รอบด้านและลึกซึ้ง ในขณะที่การเกาะกุมอดีตโดยไม่ต่อยอดความคิดออกไป ทำให้เราไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ หรือความสร้างสรรค์ที่หลักลอย ท้ายที่สุดสังคมหรือผลงานสร้างสรรค์เหล่านั้นไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้และล้มหายตายจากในที่สุด
=====================
สนับสนุนโดย: สำนักงานกองทุนสื่อสร้างสรรค์ (Thailand Media Fund)
ติดต่อสอบถาม: 9re-create@gmail.com